แต่เหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองจนทำให้ชาติตกอยู่ในภาวะวิกฤติ ทำให้หลายคนเริ่มหวนคิดถึงต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาโกงกิน คอรัปชั่น ว่าเป็นสิ่งที่หมักหมมในสังคมไทยมายาวนานเกินไปแล้ว และปัญหานี้ได้เป็นตัวถ่วงความเจริญของชาติ ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในสังคม และเป็นชนวนของการแบ่งแยกทางความคิดและกลุ่มก้อนทางสังคม จนกระทั่งถึงความเกลียดชัง แตกแยกอันรุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อนในสังคมไทย
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่มาทำให้เกิดหลักสูตรการเรียนที่จะไปลบล้างพฤติกรรมการโกงกินคอรัปชั่นที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต แต่การจะทำเช่นนี้ได้นั้นจะต้องมีการปลูกฝังแนวความคิดนี้ให้กับเด็กและเยาวชน เพื่อที่ว่าต่อไปเขาเหล่านั้นจะได้ “โตไปไม่โกง”
หลักสูตร “โตไปไม่โกง” ได้มีการจัดงาน “โตไปไม่โกง Day Camp” หรืองานรวมพลัง “White Thump” ครั้งที่ 1 ณ หอศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 22 ก.ย.53 เพื่อสื่อสารไปยังโรงเรียน ผู้ปกครอง และสังคม ให้ได้รับทราบเกี่ยวกับหลักสูตรโตไปไม่โกง โดยในงานนี้เองก็ได้มีเด็กนักเรียนมาเข้าร่วมมากถึง 250 คน ภายในงานก็ได้มีการทำกิจกรรมต่างๆ ในการออกสตาร์ทปลูกฝังทัศนคติและคุณธรรมที่ดีให้แก่เด็กๆ ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมเปิดคลิปวิดีโอซ่อนกล้องแอบถ่ายน้องๆ ทำความดี เช่น เก็บขยะ จูงคนแก่ข้ามถนน จากทางโรงเรียนต่างๆ กิจกรรมแสดงละครเรื่อง “เทพารักษ์”และคนตัดฟืน” กิจกรรมเกมเลือกป้ายคุณธรรมที่ถูกต้อง กิจกรรมรวมพลังร้องและเต้นเพลง “โตไปไม่โกง” ที่มีเนื้อหาของการมี 5 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ รวมทั้งการออกเดินขบวนรณรงค์ที่สยาม
น้องดวงดี แซ่ลี้ หรือหนิง นักเรียนชั้น ป.3 และเพื่อนๆจาก รร.วัดปทุมวนารามบอกว่า การที่เขาและเพื่อนๆจากโรงเรียนได้มาร่วมงาน “White Thump” ในวันนี้ พวกพี่ๆ ได้สอนให้ร้องเพลง เล่นเกม และความรู้ ถึงการไม่โกง ความซื่อสัตย์ อย่างการช่วยเหลือคนตาบอดข้ามถนน เพราะเขาไม่มีดวงตา หรือการนำกระเป๋าเงินที่เก็บได้ไปคืนเจ้าของ เพราะว่าถ้าเราไม่โกงแล้วเราก็จะรู้สึกสบายใจและจะรู้สึกดี แม้จะเป็นเพียงแค่ในโลกใบเล็กๆ อย่างที่โรงเรียน แต่น้องหนิงและเพื่อนๆก้ยังบอกด้วยว่า ที่ผ่านมาเคยเห็นพฤติกรรมการคดโกงด้วยสายตาของพวกเขาเองด้วย เช่น การเห็นเพื่อนๆ ลอกข้อสอบและลอกการบ้านกัน และการที่มีเพื่อนๆ มายืมเงินหรือยืมดินสอ บางลบไปแล้วไม่ยอมใช้คืน
“หนูอยากจะบอกพวกคนที่มีนิสัยขี้โกงให้เลิกนิสัยแบบนี้ซะ การที่เรามีน้อยก็จงใช้น้อยแบบพอเพียง เพราะครูเองก็ได้สอนว่า แม้เราจะใช้ชีวิตแบบพอเพียง แต่เราก็จะสามารถมีเงินเยอะได้ อย่างถ้าเราเก็บเงินวันละ 1 บาท 100 วัน เราก็จะมีเงินแล้ว 100 บาท” น้องหนิงกล่าว
หลักสูตรโตไปไม่โกงที่จะมีการให้ครูบรรจุเข้าไปในตารางสอน 1 คาบเรียนต่อ 1 สัปดาห์นี้ จะถูกนำไปใช้ในภาคเรียนที่ 2 ของทั้ง 280 โรงเรียนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลที่ตอบรับการเป็นโรงเรียนนำร่อง ซึ่งในแต่ละห้องเรียนของทุกชั้นเรียนตั้งแต่ อ.1-ป.3 ของโรงเรียนซึ่งเข้าร่วมใช้หลักสูตรจะได้รับสื่อการเรียนการสอนสำหรับครูและนักเรียน ที่เรียกว่า “กล่องมหัศจรรย์” โดยภายในกล่องจะประกอบด้วย
1. คู่มือหลักสูตร ภายในจะมีการอธิบายเทคนิคของการถ่ายทอดความรู้ อย่างเทคนิคการเล่านิทาน บทเพลงและท่าเต้นในเพลง “โตไปไม่โกง” และการออกแบบกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กมีความรู้คู่คุณธรรม
2. หนังสือนิทาน มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับคุณลักษณะอันพึงประสงค์ทั้ง 5 ประการ เช่น ความซื่อสัตย์ ก็จะมีนิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะ, ความรับผิดชอบ ก็มีเรื่องขุนพลงักฮุย ตำนานปาท่องโก๋กับขุนพลผู้รักชาติ, ความเป็นธรรม ในเรื่องราชสีห์กับหนู, ความมีจิตสาธารณะ ในเรื่อง Hans Brinker ที่มีเด็กชายเอานิ้วอุดเขื่อนเพื่อไม่ให้น้ำท่วมหมู่บ้าน และในเรื่องของความพอเพียง ก็จะมีนิทานอีสปเรื่องอึ่งอ่างกับวัว
3.อุปกรณ์ประกอบการเรียนรู้ ประกอบด้วย ซีดีเพลง หุ่นละครมือแผนภาพต่างๆ บทละคร
ทั้งนี้ กล่องมหัศจรรย์ของทั้งระดับชั้น อ.1-ป.3 จะมีความแตกต่างกันไปตามระดับชั้นและความซับซ้อนของเนื้อหาที่เอื้อต่อการเรียนรู้
อ้างอิง : http://growinggood.org/2010/09/2155/
http://www.ryt9.com/s/tpd/992111
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น